สวัสดีครับคุณผู้อ่านทุกท่าน เนื่องจากมีผู้สอบถามกันเข้ามาเยอะมากสำหรับเกมบริหารสายการบิน AirwaySim ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องของความสมจริงในรายละเอียดของตัวเกมครับ เป็นปัญหาสำหรับมือใหม่หลายๆ ท่านที่คิดจะลองเล่นเกมนี้ดู แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร
ในวันนี้ผมจะหยิบบทความของ swiftus27 มาแปลและเรียบเรียงใหม่เพื่อให้คุณผู้อ่านมือใหม่ (และมือเก่าบางท่าน)ได้อ่านเข้าใจกันง่ายขึ้นครับ คงจะทำให้พอมองเห็นแนวทางในการเริ่มต้นเล่นเกม AirwaySim กันมากขึ้นนะครับ ( บทความต้นฉบับติดตามอ่านได้ในกระทู้ http://www.airwaysim.com/forum/index.php/topic,9211.0.html )
บทที่ 1 : เลือกเครื่องบินให้เป็น (GETTING THE RIGHT PLANE)
ในการที่จะจัดหาเครื่องบินมาใช้เพื่อให้บริการในสายการบินของเรามีสิ่งที่ต้องพิจารณาดังต่อไปนี้ครับ
- ความจุ (Capacity) : พิจารณาว่าเครื่องบินลำนั้นๆ สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้มากน้อยเท่าไร
- อัตราการเผาผลาญเชื้อเพลิง (Fuel Consumption) : เนื่องจากรายจ่ายหลักๆ ของสายการบินก็คือค่าน้ำมันเชื้อเพลิงนี่แหละครับ ดังนั้นหากคุณผู้อ่านเลือกเครื่องบินที่มีอัตราเผาพลาญเชื้อเพลิงสูง (พูดง่ายๆ คือ กินน้ำมัน นั่นเอง) ก็มีความเสี่ยงจะล้มละลาย (Bankrupt) ได้ครับ ตัวอย่างเช่น เครื่องบิน Tupolev 154B สามารถบรรจุผู้โดยสารได้ 167 ที่นั่ง อัตราเผาพลาญเชื้อเพลิงอยู่ที่ 7410 กิโลกรัม/ชั่วโมง ในขณะที่เครื่องบิน Boeing 727-200adv สามารถบรรจุผู้โดยสารได้ถึง 189 ที่นั่ง และมีอัตราเผาพลาญเชื้อเพลิงเพียงแค่ 4502 กิโลกรัม/ชั่วโมง เท่านั้นเอง
- พิสัยการบิน (Range) : อย่าเลือกเครื่องบินที่มีพิสัยการบินพอดีกับระยะทางที่จะทำการบิน ควรจะเลือกเครื่องบินที่มีพิสัยการบินมากกว่าระยะทางที่จะบิน เผื่อรองรับแผนการปรับเปลี่ยนเส้นทางบินในอนาคตด้วย เช่น กรณีที่มีสนามบินอยู่ในพิสัย 1000 NM ก็ควรจะเลือกเครื่องบินที่มีพิสัยการบินมากกว่าหรือเท่ากับ 1500 NM
- ความเร็ว (Speed) : ผู้โดยสารที่ใช้บริการสายการบินย่อมต้องการความรวดเร็วในการเดินทางจากต้นทางไปยังปลายทาง ดังนั้นถ้าในเส้นทางเดียวกันกับคู่แข่ง เครื่องบินของคู่แข่งสามารถบินได้เร็วกว่า (เช่นเครื่องบิน Jet) ในขณะที่เครื่องบินของสายการบินเรานั้นบินช้ากว่า (เช่นเครื่องบินใบพัด) ผู้โดยสารย่อมเลือกที่จะใช้บริการสายการบินของคู่แข่งเราแน่นอน
- ระยะของทางวิ่งที่ใช้สำหรับวิ่งขึ้น/ลงจอด (Runway Requirements) : เครื่องบินบางลำต้องใช้ทางวิ่งยาวเพื่อที่จะทำการวิ่งขึ้นหรือลงจอด ซึ่งต้องพิจารณาให้ดี มิเช่นนั้นแล้วอาจจะทำให้ไม่สามารถวิ่งขึ้น/ลงจอดในสนามบินที่เราต้องการเปิดเส้นทางการบินไปได้
- อายุการใช้งาน/สภาพเครื่องบิน (Age/Condition) : หากเลือกเครื่องบินที่มีอายุการใช้งานมาก เก่า ย่อมต้องเสียเงินในการบำรุงรักษามากกว่าเครื่องบินใหม่ๆ อายุการใช้งานน้อย
- รอบเวลาในการทำ C-Check/D-Check : เนื่องจากการทำ C-Check/D-Check จะใช้เงินมาก และเสียเวลานาน ดังนั้นพยายามอย่าเลือกเครื่องบินที่ใกล้จะถึงกำหนด C-Check/D-Check
FLEET COMMONALITY
สมมติว่าเราจำเป็นต้องซ่อมบำรุง ดูแลรักษา รถยนต์จำนวนหนึ่ง สมมติว่ารถยนต์ที่เราต้องดูแลนั้นมียี่ห้อโตโยต้า, ฮอนด้า, เบนซ์, นิสสัน ,BMW นั่นหมายความว่าเราจำเป็นจะต้องมีอะใหล่ คู่มือการซ่อมบำรุง รถยนต์ที่แตกต่างกันถึง 5 ยี่ห้อ แต่สมมติว่าหากเรามีรถยนต์เซฟโรเลต 5 คัน แม้ว่าจะมีรถยนต์ 5 คันเช่นเดียวกัน แต่การซ่อมบำรุง ดูแลรักษา การจัดหาอะใหล่จะง่ายกว่ามากเพราะเป็นรถยนต์รุ่นเดียวกัน
จากตัวอย่างข้างต้นเราจำเป็นต้องนำมาประยุกต์ใช้กับเครื่องบินในสายการบินของเราเช่นกัน แน่นอนว่าหากเรามีเครื่องบินหลายฝูงบิน เราย่อมต้องเสียค่าบำรุงรักษามากกว่าการที่เรามีเครื่องบินเพียงไม่กี่ฝูง (แต่หลายลำ) ซึ่ง Fleet Commonality สามารถแบ่งออกได้เป็น 5 กลุ่มย่อยๆ ดังนี้
- บริษัทผู้ผลิต (Manufacturer)เช่น Boeing, Airbus, McDonnell Douglas
- รุ่น (Series) เช่น 737, 747, 777, 320, 330, 340, 380
- Sub-Type เช่น 737, 100-200, 300-600, 700-900
- ผู้ผลิตเครื่องยนต์ (Engine Manufacturer)เช่น Pratt-Whitney, Rolls Royce, General Electric
- รุ่น (Series) เช่น Pratt-Whitney JT7D, JT8D, JT9D
- Sub-Type เช่น Pratt- Whitney JT8D-15, JT8D-15A, JT8D-17A
* หมายเหตุ เครื่องบินชนิดเดียวกัน รุ่นเดียวกัน แม้จะใช้เครื่องยนต์ต่างชนิดกัน แต่ในตอนนี้ยังไม่มีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
จำง่ายๆ ว่า ยิ่งมีเครื่องบินในฝูงเดียวกันมากขึ้น ค่าซ่อมบำรุงยิ่งถูกลง
บทที่ 2 : การวางแผนเส้นทางบินและการจัดตารางบิน (ROUTE PLANNING & SCHEDULING)
ความต้องการ (Demand)
Route Planning (คลิกเมนู Route เลือก Route Planning) เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้ข้อมูลกับเราในการวางแผนการบินได้เป็นอย่างดี ซึ่งก่อนที่เราจะเปิดเส้นทางบินไปไหนก็ตาม จำเป็นจะต้องแน่ใจก่อนว่ามีปริมาณความต้องการของผู้โดยสารในเส้นทางบินนั้นๆ เพียงพอที่เราจะให้บริการ หากนำเครื่องบินขนาด 250 ที่นั่งบินไปยังสนามบินที่มีผู้โดยสารต้องการจะบินเพียงแค่ 3 คน เค้าก็ไม่นั่งมานะครับ (ถึงเค้านั่งมา เราก็ขาดทุนอยู่ดี)
ดังนั้นก่อนที่เราจะเลือกเครื่องบินมาบินให้บริการ คุณผู้อ่านควรศึกษาความต้องการของเส้นทางบินก่อน โดยเฉพาะสนามบินใหญ่ๆ สนามบินหลักๆ เพื่อหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจว่าจะเลือกเครื่องบินชนิดใด รุ่นใด เอามาให้บริการ และอย่าลืมคำนึงถึงเรื่อง Fleet Commonality ที่ได้กล่าวไปแล้วในบทที่ 1 นะครับ ซึ่งจะทำให้สายการบินของคุณผู้อ่านแข็งแกร่งขึ้นครับ
เส้นทางบินประเภทต่างๆ (Route Types) : เกม AirwaySim มีลักษณะของการทำเส้นทางบิน 3 ลักษณะคือ
- A -> B (กรุงเทพฯ – เชียงใหม่)
- A -> B -> C -> A (กรุงเทพฯ – อู่ตะเภา (เติมน้ำมัน) – หาดใหญ่ – กรุงเทพฯ)
- A -> B -> C -> B -> A (กรุงเทพฯ – สิงคโปร์ (เติมน้ำมัน) – อินโดนีเซีย –สิงคโปร์ (เติมน้ำมัน) – กรุงเทพฯ)
การจัดตารางบิน (Scheduling) : หลักการอย่างแรกเลยคือ พยายามเอาเครื่องบินออกไปบินให้ได้มากที่สุด การจอดเครื่องบินไว้เฉยๆ เท่ากับไม่ได้อะไรเลย
ข้อควรรู้ :
- ผู้โดยสารจะไม่เดินทางในช่วงเช้าเกินไป (ก่อน 05.00 น.) และดึกเกินไป (หลัง 23.00 น.) โดยจะพิจารณาจางเวลาท้องถิ่น (Local Time) ดังนั้นเราสามารถใช้ประโยชน์จาก Time Zone ที่แตกต่างกันได้ หากเราต้องการจะบินไปทางตะวันออกเราสามารถออกเดินทางสายได้กว่าปกติ แต่หากเราต้องการจะบินไปทางตะวันตกเราจำเป็นต้องออกเดินทางให้เร็วกว่าปกติ บางครั้งถ้าวางแผนการบินดีๆ เราอาจจะสามารถบินเที่ยวบินที่ใช้เวลา 6 ชั่วโมง เพียงแค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้น (จากความแตกต่างกันของ Time Zone)
- พยายามลดความล่าช้า (Delay) ให้เหลือน้อยที่สุด สาเหตุหลักๆ ของความล่าช้าในเที่ยวบินคือ เราวางแผนให้ Turnaround Time (เวลาเตรียมเครื่องบินให้พร้อมสำหรับเที่ยวบินต่อไป) น้อยเกินไป ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อสายการบินของเราแน่นอน นอกจากจะไม่ทำเงินให้เราแล้วจะยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ (Company Image) ของสายการบินเราแย่ลงด้วย หากเที่ยวบินของเราต้องถูกยกเลิก (Flight Cancelled)
การซ่อมบำรุง (Maintenance)
ในแต่ละสัปดาห์คุณผู้อ่านจะต้องจัดตารางการซ่อมบำรุง A-Check ให้เครื่องบินด้วย ซึ่งจะใช้เวลาในการซ่อมบำรุง 5 ชั่วโมง
ในแต่ละเดือนคุณผู้อ่านจะต้องจัดตารางการซ่อมบำรุง B-Check ให้เครื่องบินด้วยเช่นกัน ซึ่งจะใช้เวลาในการซ่อมบำรุง 24 ชั่วโมง โดยเที่ยวบินของวันนั้นจะโดนยกเลิกทั้งหมด (แต่จะไม่กระทบต่อเรตติ้งของสายการบิน)
บทที่ 3 : เลือกสนามบิน (Choosing your airport)
ปัจจัยหลักอันดับ 1 : การแข่งขัน (Competition) : สนามบินขนาดใหญ่ย่อมมีการแข่งขันสูง ถึงแม้ว่าการเลือกสนามบินใหญ่ๆ เป็นฐานบินสำหรับสายการบินของคุณผู้อ่านอาจจะได้เปรียบในเรื่องของปริมาณความต้องการของผู้โดยสาร (Demand) แต่แน่นอนว่าก็ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงด้วยเช่นกัน เพราะใครๆ ก็อยากมาตั้งฐานการบินที่นี่หรือบินมายังที่นี่ด้วย
ปัจจัยหลักอันดับ 2 : เวลาที่สนามบินเปิดให้บริการ/ความสามารถรองรับการให้บริการ (Hours of operation & Slots) : หลายสนามบินปิดให้บริการตอนกลางคืน หรือแม้แต่สนามบินใหญ่ๆ บางสนามบินก็อาจจะไม่ได้เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง และในแต่ละสนามบินนั้นมีจำนวนของ Slot ที่แตกต่างกัน (Slot คือ ช่องหรือช่วงเวลาที่สนามบินสามารถให้บริการเครื่องบินบินเข้าหรือออกจากสนามบินได้) โดยเฉพาะสนามบินใหญ่ๆ เมื่อมีเครื่องบินจำนวนมากต้องการจะแย่งกันลง จะทำให้ Slot เต็มเร็วมาก ดังนั้นคุณผู้อ่านควรวางแผนในการสั่งเครื่องบิน หรือวางแผนการบินให้ดีๆ เพราะถ้าช้าอาจจะทำให้ Slot หมด และสายการบินของคุณผู้อ่านก็จะไม่สามารถขยับขยายได้อีกต่อไป
ปัจจัยหลักอันดับ 3 : ปริมาณความต้องการของผู้โดยสาร (Demand) : ก่อนจะเปิดเส้นทางบินไปยังสนามบินใดๆ ก็ตาม ต้องแน่ใจก่อนว่าเส้นทางบินนั้นๆ มีปริมาณความต้องการของผู้โดยสารเพียงพอที่จะไม่ทำให้เราขาดทุน (ซึ่งสามารถใช้ Route Planning ในการวิเคราะห์ได้ครับ)
ปัจจัยหลักอันดับ 4 : ระยะทาง (Distance) : คุณผู้อ่านควรศึกษาหาข้อมูลก่อนเสมอว่ามีสนามบินอื่นๆ ที่อยู่ห่างจากฐานบินของคุณผู้อ่านใกล้หรือไกลแค่ไหน เพื่อที่จะได้เลือกใช้เครื่องบินที่มีพิสัยการบินที่เหมาะสมกับเส้นทางที่คุณผู้อ่านจะเปิดให้บริการ ตัวอย่างเช่น หากเลือกสนามบินนาริตะ (RJAA) เป็นฐานบินของสายการบิน ก็ไม่ควรเลือกใช้เครื่องบินขนาดเล็ก พิสัยการบินใกล้ เพราะเนื่องจากประเทศญี่ปุ่นมีพื้นที่กว้าง และเครื่องบินที่บินออกจากสนามบินนาริตะจะไม่สามารถบินไปยังสนามบินอื่นๆ ภายในประเภท (Domestic) ได้ ดังนั้นควรเลือกใช้เครื่องบินที่มีพิสัยบินที่ค่อนข้างไกลครับ
บทที่ 4 : เครื่องบินเจ็ท กับ เครื่องบินใบพัด (Jets Versus Props)
ในเกม AirwaySim เครื่องบินจะใช้เวลาในการ Takeoff, Approach และ Cruise ต่างกัน ซึ่งหากเป็นเส้นทางบินที่มีระยะทางน้อยกว่า 350 NM ความแตกต่างกันระหว่างเครื่องบินเจ็ทกับเครื่องบินใบพัดจะไม่ค่อยมีผลเท่าไร ยกตัวอย่างเช่น เครื่องบิน Bombardier Dash 8 Q400 ทำการบินในระยะทาง 348 NM ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 35 นาที ในขณะที่เครื่องบิน Bombardier CRJ ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง 30 นาที จะเห็นว่าแตกต่างกันเพียง 5 นาทีเท่านั้น นอกจากนี้เมื่อดูรายละเอียดจะพบว่าเครื่องบิน Dash 8 มี Turnaround Time น้อยกว่า CRJ 5 นาที ทั้งยังบรรทุกผู้โดยสารได้มากกว่าถึง 24 คน และยังมีอัตราการเผาผลาญน้ำมันเชื้อเพลิงน้อยกว่าอีกด้วย
แต่หากสมมติจะทำการบินในเส้นทางที่มีระยะทาง 842 NM จะพบว่า Dash 8 ใช้เวลาบินถึง 3 ชั่วโมง 5 นาที ในขณะที่ CRJ ใช้เวลาบินเพียงแค่ 2 ชั่วโมง 45 นาทีเท่านั้น และยิ่งไปกว่านั้นหากทำการบินในเส้นทางบินที่ระยะทาง 1497 NM ยิ่งเห็นชัดว่า Dash 8 ใช้เวลาบินถึง 4 ชั่วโมง 55 นาที ในขณะที่ CRJ ใช้เวลาบินเพียงแค่ 4 ชั่วโมง 20 นาทีเท่านั้น
ดังนั้นคุณผู้อ่านจึงควรพิจารณาระยะทางในเส้นทางบินและระยะเวลาในการทำการบินด้วย ซึ่งถ้าคุณผู้อ่านบินในเส้นทางบินสั้นๆ หรือไม่มีคู่แข่งในเส้นทางบินนั้นๆ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องบินเจ็ทก็ได้ (เพราะเครื่องบินเจ็ทมีอัตราการเผาผลาญเชื้อเพลิงสูงกว่าเครื่องบินใบพัด)
บทที่ 5 : ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อ Load Factors (Variables that may affect load factors) : ปริมาณของ Load Factors นั้นอาจจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เหล่านี้
- ราคาค่าตั๋ว (Pricing) : อย่าตั้งค่าตั๋วสูงกว่าราคาที่ระบบเสนอมาให้โดยเด็ดขาด
- คุณภาพของที่นั่ง (Seat Quality) : สำหรับเที่ยวบินที่มีระยะเวลาบินน้อยกว่า 2 ชั่วโมง ไม่จำเป็นต้องใช้ที่นั่งที่มีคุณภาพดีเลิศมากมาย การใช้ Premium Seat ก็ไม่ได้ดึงผู้โดยสารจากสายการบินคู่แข่งมาได้มากนัก แถมยังทำให้เสียพื้นที่ในเครื่องบินไปเปล่าๆ ดังนั้นหากจะปรับที่นั่งเป็นแบบ Premium Seat ควรใช้เฉพาะตอนที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น
- เวลาออกเดินทาง/ถึงที่หมายปลายทาง (Time of Departure/Arrival) : ผู้โดยสารไม่ต้องการออกเดินทางหลังจากเวลา 22.55 น. และไม่ต้องการลงจอดก่อนเวลา 05.00 น. ต้องพึงระวังไว้ให้ดี
- Route Image : พยายามทำให้ได้ 100% จะช่วยให้ผู้โดยสารตัดสินใจใช้บริการของสายการบินเรามากยิ่งขึ้น ดังนั้นอัดพวก Campaign ทางการตลาด (Marketing) เข้าไปตั้งแต่ช่วงต้นเกมเลยจะดีที่สุด
- Company Image : เช่นเดียวกันกับ Route Image พยายามทำให้ได้เยอะๆ เข้าไว้ (อย่างน้อยควรมี 60%)
- อายุการใช้งานของเครื่องบิน/สถาพของเครื่องบิน (Plane Age/Condition) : Load Factors อาจจะลดลงเล็กน้อยหากเครื่องบินเก่ามาก และมีสภาพเครื่องบินที่ไม่ค่อยจะสู้ดี (poor) แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่เรากังวลกันจริงๆ ก็คือ ค่าซ่อมบำรุงซะมากกว่า เพราะเครื่องบินเก่า ค่าซ่อมบำรุงสูง อาจจะไม่คุ้มสำหรับทำการบิน แม้จะมี Load Factors เยอะก็ตาม
- ความเร็วของเครื่องบิน (Speed) : ผู้โดยสารจะเลือกบินด้วยเครื่องบินที่บินได้เร็วกว่า (เพราะเค้ารีบไปให้ถึงจุดหมายนั่นเอง)
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเทคนิคที่คงพอจะเป็นแนวทางให้กับมือใหม่ (และมือเก่าบางท่าน) ได้นะครับ ซึ่งผมเองก็คิดว่าบางข้อ บางอย่างสามารถนำเอาออกมาใช้กับสายการบินจริงๆ ได้เช่นกัน ทำให้เห็นได้ว่าเกม AirwaySim นี้มีความสมจริงในรายละเอียดมากมายเลยทีเดียว… ดังนั้นมือใหม่ก็ไม่ต้องกลัวนะครับ อ่านบทความนี้จบแล้วลองเข้ามาเล่นกันครับ ได้ทั้งความรู้ ได้ทั้งประสบการณ์มากมายครับ
หากคุณผู้อ่านมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถามเข้ามาได้ที่ทวิตเตอร์ @jothailand744 หรือที่เว็บไซต์ https://jothailand744.wordpress.com ครับ